L' imparfait
การใช้ :
1. บรรยายเหตุการณ์หรือบอกสภาพที่ดำรงอยู่ช่วงหนึ่งในอดีต (la durée, la description, et la situation)
- Quand elle était jeune, elle était mince et belle. (ตอนหล่อนเป็นสาว หล่อนร่างบางและสวย)
- Avant il y avait beaucoup de poissons dans cette rivière. (เมื่อก่อนนี้มีปลามากในแม่นํ้าสายนี้)
- C' était un dimanche, il faisait beau, les gens se promenaient dans les rues ou bavardaient
à la terrasse de café. J' étais heureuse. (เป็นวันอาทิตย์หนึ่งที่อากาศสดใส ผู้คนเดินเล่นตามท้องถนน
หรือไม่ก็พูดคุยกันบนเทอเรสของร้านกาแฟ ฉันรู้สึกมีความสุข)
2. พูดถึงสิ่งที่กระทำเป็นประจำในอดีต หรือบรรยายเหตุการณ์ที่ซํ้าๆกันในอดีต (l' habitude et la répétition)
- Il prenait toujours un café après le déjeuner. (เขาดื่มกาแฟหลังอาหารกลางวันเป็นประจำ))
- Chaque fois qu' il me voyait, il me disait qu' il pensait à moi ! (ทุกครั้งที่เขาเห็นฉันเขาจะบอกว่าคิดถึงฉัน)
3. ใช้แทนรูป présent ของคำกริยาในประโยคตาม ในการนำคำพูดของคนอื่นไปเล่าต่อให้คนอื่นฟัง (discours indirect)
เมื่อคำกริยาในประโยคนำอยู่ในรูปอดีต (passé)
- Il dit qu' il veut voyager loin.
-> Il a dit qu' il voulait voyager loin.
- Il dit qu' il en a assez de son travail.
-> Il disait qu' il en avait assez de son travail.
4. ใช้คู่กับ passé composé เพื่อบอกว่า ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ อีกเหตุการณ์ก็เกิดแทรกขึ้นมา [เหตุการณ์ที่
กำลังดำเนินอยู่ในอดีตใช้ imparfait ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดแทรกขึ้นมาใช้ passé composé]
- Je dormais tranquillement quand, soudain, quelqu'un m' a appelé. (ฉันกำลังหลับสบายตอนที่มีคนเรียกฉัน)
5. บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกือบจะเกิดขึ้นในอดีต
- Encore un pas et je tombais ! (นี่อีกเพียงก้าวเดียวฉันก็คงจะล้มแล้ว)
- Ah j' oubliais de vous dire une chose, c' est qu' on saura le résultat plus tôt que prévu. (อ้า ! เกือบลืมบอก
อะไรเธอไปอย่างหนึ่ง คือเราจะรู้ผลการสอบเอนทรานซ์เร็วกว่ากำหนด)
6. [สำหรับเหตุการณ์ปัจจุบัน] ในประโยคเงื่อนไขหรือสมมุติ นำด้วย Si + verbe (ในรูป imparfait) คู่กับอีกประโยคหนึ่งที่
verbe อยู่ในรูป conditionnel présent เพื่อเป็นการสมมุติสิ่งที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงในปัจจุบัน หรือมีโอกาส
เป็นไปได้น้อยมาก [ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2]
- Si j' avais le temps, je viendrais te voir. (ถ้าฉันมีเวลาฉันจะมาหาเธอ) [แต่เป็นที่รู้กันว่าไม่มีเวลา]
- Si j' étais elle, je ferais plus attention. (ถ้าฉันเป็นหล่อนฉันจะใส่ใจกว่านี้) [แต่เป็นที่รู้กันว่าหล่อนไม่ค่อยใส่ใจ
และฉันก็ไม่ใช่หล่อนด้วย]
7. [สำหรับเหตุการณ์ในอนาคต] ในประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Si + verbe ........... ? (ในรูป imparfait) เพื่อชักชวนหรือเสนอแนะ
- Si on allait au cinéma ce soir ? (คํ่านี้เราไปดูหนังกันไหม)
- Si nous faisions un pique-nique ce samedi ? (วันเสาร์นี้เราไปปิคนิคกันดีไหม)
8. ตามหลัง "comme si" เป็นเชิงเปรียบเทียบ หรือ ตั้งสมมุติฐาน มีความหมาย = "ราวกับว่า" [แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่]
- Il me parle comme s' il était mon patron. (เขาพูดกับฉันราวกับว่าเขาเป็นเจ้านายฉัน)
สำนวน "être en train de" ในรูป imparfait ตามด้วย infinitif ใช้เพื่อเน้นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต
- Qu' est-ce que tu faisais quand je t' ai téléphoné ? (เธอกำลังทำอะไรอยู่ตอนที่ฉันโทรมาหาเธอ)
- J' étais en train de préparer le dîner. (ฉันกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่)
รูปแบบ : [การผันคำกริยาในรูป imparfait]
1. นำคำกริยาที่ต้องการมาผันกับประธานบุรุษที่ 1(Nous)ในรูป présent
2. ตัดลงท้าย "ons" ออก
3. เติมลงท้ายที่แกนของคำกริยาด้วย : _ais, _ais, _ait, _ions, _iez, _aient :
1er groupe (parler) : Nous parlons => parl_ =>
2e groupe (finir) : Nous finissons => finiss_ =>
3e groupe (prendre) : Nous prenons => pren_ =>
ยกเว้น verbe "être" ทีใช้แกน "ét_"การใช้ :
1. บรรยายเหตุการณ์หรือบอกสภาพที่ดำรงอยู่ช่วงหนึ่งในอดีต (la durée, la description, et la situation)
- Quand elle était jeune, elle était mince et belle. (ตอนหล่อนเป็นสาว หล่อนร่างบางและสวย)
- Avant il y avait beaucoup de poissons dans cette rivière. (เมื่อก่อนนี้มีปลามากในแม่นํ้าสายนี้)
- C' était un dimanche, il faisait beau, les gens se promenaient dans les rues ou bavardaient
à la terrasse de café. J' étais heureuse. (เป็นวันอาทิตย์หนึ่งที่อากาศสดใส ผู้คนเดินเล่นตามท้องถนน
หรือไม่ก็พูดคุยกันบนเทอเรสของร้านกาแฟ ฉันรู้สึกมีความสุข)
2. พูดถึงสิ่งที่กระทำเป็นประจำในอดีต หรือบรรยายเหตุการณ์ที่ซํ้าๆกันในอดีต (l' habitude et la répétition)
- Il prenait toujours un café après le déjeuner. (เขาดื่มกาแฟหลังอาหารกลางวันเป็นประจำ))
- Chaque fois qu' il me voyait, il me disait qu' il pensait à moi ! (ทุกครั้งที่เขาเห็นฉันเขาจะบอกว่าคิดถึงฉัน)
3. ใช้แทนรูป présent ของคำกริยาในประโยคตาม ในการนำคำพูดของคนอื่นไปเล่าต่อให้คนอื่นฟัง (discours indirect)
เมื่อคำกริยาในประโยคนำอยู่ในรูปอดีต (passé)
- Il dit qu' il veut voyager loin.
-> Il a dit qu' il voulait voyager loin.
- Il dit qu' il en a assez de son travail.
-> Il disait qu' il en avait assez de son travail.
4. ใช้คู่กับ passé composé เพื่อบอกว่า ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ อีกเหตุการณ์ก็เกิดแทรกขึ้นมา [เหตุการณ์ที่
กำลังดำเนินอยู่ในอดีตใช้ imparfait ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดแทรกขึ้นมาใช้ passé composé]
- Je dormais tranquillement quand, soudain, quelqu'un m' a appelé. (ฉันกำลังหลับสบายตอนที่มีคนเรียกฉัน)
5. บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกือบจะเกิดขึ้นในอดีต
- Encore un pas et je tombais ! (นี่อีกเพียงก้าวเดียวฉันก็คงจะล้มแล้ว)
- Ah j' oubliais de vous dire une chose, c' est qu' on saura le résultat plus tôt que prévu. (อ้า ! เกือบลืมบอก
อะไรเธอไปอย่างหนึ่ง คือเราจะรู้ผลการสอบเอนทรานซ์เร็วกว่ากำหนด)
6. [สำหรับเหตุการณ์ปัจจุบัน] ในประโยคเงื่อนไขหรือสมมุติ นำด้วย Si + verbe (ในรูป imparfait) คู่กับอีกประโยคหนึ่งที่
verbe อยู่ในรูป conditionnel présent เพื่อเป็นการสมมุติสิ่งที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงในปัจจุบัน หรือมีโอกาส
เป็นไปได้น้อยมาก [ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2]
- Si j' avais le temps, je viendrais te voir. (ถ้าฉันมีเวลาฉันจะมาหาเธอ) [แต่เป็นที่รู้กันว่าไม่มีเวลา]
- Si j' étais elle, je ferais plus attention. (ถ้าฉันเป็นหล่อนฉันจะใส่ใจกว่านี้) [แต่เป็นที่รู้กันว่าหล่อนไม่ค่อยใส่ใจ
และฉันก็ไม่ใช่หล่อนด้วย]
7. [สำหรับเหตุการณ์ในอนาคต] ในประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Si + verbe ........... ? (ในรูป imparfait) เพื่อชักชวนหรือเสนอแนะ
- Si on allait au cinéma ce soir ? (คํ่านี้เราไปดูหนังกันไหม)
- Si nous faisions un pique-nique ce samedi ? (วันเสาร์นี้เราไปปิคนิคกันดีไหม)
8. ตามหลัง "comme si" เป็นเชิงเปรียบเทียบ หรือ ตั้งสมมุติฐาน มีความหมาย = "ราวกับว่า" [แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่]
- Il me parle comme s' il était mon patron. (เขาพูดกับฉันราวกับว่าเขาเป็นเจ้านายฉัน)
สำนวน "être en train de" ในรูป imparfait ตามด้วย infinitif ใช้เพื่อเน้นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต
- Qu' est-ce que tu faisais quand je t' ai téléphoné ? (เธอกำลังทำอะไรอยู่ตอนที่ฉันโทรมาหาเธอ)
- J' étais en train de préparer le dîner. (ฉันกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่)
รูปแบบ : [การผันคำกริยาในรูป imparfait]
1. นำคำกริยาที่ต้องการมาผันกับประธานบุรุษที่ 1(Nous)ในรูป présent
2. ตัดลงท้าย "ons" ออก
3. เติมลงท้ายที่แกนของคำกริยาด้วย : _ais, _ais, _ait, _ions, _iez, _aient :
1er groupe (parler) : Nous parlons => parl_ =>
2e groupe (finir) : Nous finissons => finiss_ =>
3e groupe (prendre) : Nous prenons => pren_ =>
J' étais, Tu étais, Il / Elle était, Nous étions, Vous étiez, Ils / Elles étaient
Verbe ที่ลงท้ายด้วย "_ger" เช่น manger, voyager, changer, mélanger, songer ... [g + e + a]
Je mangeais, Tu mangeais, Il / Elle mangeait, Nous mangions, Vous mangiez, Ils / Elles mangeaient
Verbe ที่ลงท้ายด้วย "_cer" เช่น commencer, placer, déplacer, tracer ... [ç + a]
Je plaçais, Tu plaçais, Il / Elle plaçait, Nous placions, Vous placiez, Ils / Elles plaçaient