วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Fête de La Musique


Fête de La Musique



เทศกาลดนตรีวงดนตรีฝรั่งเศสและไทยวันจัดแสดง: 21 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ถึง 01.00 น.

สถานที่: ลานหน้า Central World และที่อุทยานการเรียนรู้ TK Park ( รถไฟฟ้า สถานีสยาม หรือ ชิดลม)



Music day in Bangkok



“วันแห่งดนตรี” หรือ “เทศกาลดนตรี” เริ่มขึ้นในฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2525 ในโอกาสการฉลองวันแรกแห่งฤดูร้อน ได้จัดกันอย่างแพร่หลายในร้อยกว่าประเทศ สำหรับ “เทศกาลดนตรี” ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯนั้น จัดขึ้นเป็นปีที่ 12 แล้ว ประกอบด้วยรายการดนตรีที่มีทั้งฝรั่งเศสและไทย เพื่อส่งเสริม การแลกเปลี่ยนทางดนตรีระหว่างสองประเทศเรา นอกจากศิลปินที่มีชื่อเสียงของวงการเพลงทั้งฝรั่งเศสและไทย ยังมีคณะนักดนตรีและนักร้องสมัครที่เข้ามาเล่นร่วมเวทีกับมืออาชีพเหล่านั้น เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว “เทศกาล ดนตรี” มักเป็นจุดนัดพบแห่งแรกกับว่าที่แฟนคลับ ในอนาคตปีนี้ “เทศกาลดนตรี” จะเป็นงานฉลองแนวเพลงทุกประเภท และเป็นงานของนักดนตรีทุกประเภทด้วย (เด็ก, ผู้ใหญ่, มือสมัครเล่น และมืออาชีพ)
ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ก็จะมีการแสดง หลากหลายบรรยากาศของกลุ่มเยาวชน คนหนุ่มสาว หลายกลุ่ม มาร่วมสร้างความสนุกสนาน บนลานหน้าเซ็นทรัลเวิล์ด และในอุทยานการเรียนรู้ TK Park
และเมื่อถึงเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ก็จะมีวงดนตรีที่มีชื่อของวงการเพลงไทยหลายวง มาร่วมเล่นกับวง “Gong Gong” ของฝรั่งเศส บนเวทีหลักของงานจนถึงดึก เพื่อสร้างค่ำคืนแห่งเพลงอิเล็กโทรนิกส์ ซึ่งต่างฝ่าย ต่างได้ค้นพบ และแลกเปลี่ยนเทคนิคของกันและกัน


วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

1. L'interrogation indirecte : rapporter des questions [การถามแบบอ้อมๆ : การยกคำถามมาถามใหม่อีกครั้ง]

1. L'interrogation indirecte : rapporter des questions [การถามแบบอ้อมๆ : การยกคำถามมาถามใหม่อีกครั้ง] :
1. 1 La question portant sur toute la phrase : [ถามทั้งประโยค โดยคำตอบจะเป็น "oui", "non" หรือ "si" ] เราจะใช้ "si" ในการเชื่อมประโยค โดยมีความหมาย = " ....... หรือไม่" :- Paul : "Est-ce que tu aimes la musique classique ?" ---> Paul demande à Sophie si elle aime la musique classique.- La mère : "Tu ne vas pas à l'école aujourd'hui ?"---> Ma mère me demande si je ne vais pas à l'école aujourd'hui.- Prangsaï : "Aï-Rada, tu veux bien m'aider pour mes devoirs ?"---> Prangsaï veut savoir si Aï-Rada veut bien l'aider pour ses devoirs.- Wararat : "Est-ce que je vais réussir à l'examen de français ?"---> Wararat se demande avec inquiétude si elle va réussir à l'examen de français.

1. 2 La question portant sur une partie de la phrase : [ถามส่วนใดส่วนหนึ่งของประโยค ด้วยคำที่ใช้ตั้งคำถาม (mot interrogatif) เช่น Qui, Quand, Comment, Pourquoi, Où, ...] เราจะใช้ "mot interrogatif" ตัวเดิม ในการเชื่อมประโยค :
- Le professeur : "Pourquoi apprenez-vous le français ?"---> Le professeur demande à ses élèves pourquoi ils apprennent le français.- Le père à Ratikorn : "Qui t'a téléphoné ?" ---> Son père lui demande qui lui a téléphoné. - Un touriste à un passant : "Où est la gare, s'il vous plaît ?"---> Un touriste veut savoir où est la gare. - Un Français : "À quelle heure commence l'école en Thaïlande ?"---> Il veut savoir à quelle heure l'école commence en Thaïlande.

1. 2. 1 La question avec " Qu'est-ce qui ... ? " : [คำถามที่ถามว่า "อะไร" (ทำหน้าที่ประธาน)] เราจะใช้ " ce qui " = สิ่งที่ซึ่ง ในการเชื่อมประโยค :
- Souchada : "Qu'est-ce qui se passe ?" "Pourquoi ris-tu ?"---> Souchada demande à Thannmaporn ce qui se passe et pourquoi elle rit.- Nathienat : "Qu'est-ce qui te plaît dans cette école, Yaem ?" ---> Nathienat veut savoir ce qui plaît à Yaem dans cette école.

1. 2. 2 La question avec " Qu'est-ce que ... ? " : [คำถามที่ถามว่า "อะไร" (ทำหน้าที่กรรม)] เราจะใช้ " ce que " = สิ่งที่ซึ่ง ในการเชื่อมประโยค :
- Pattaraporn : "Qu'est-ce que tu fais dimanche ?" ---> Pattaraporn demande à Phasika ce qu'elle fait dimanche.- Kanntarat : "Que penses-tu de mon nouveau portable, Chonlada ?"---> Kanntarat demande à sa copine ce qu'elle pense de son nouveau portable.

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

++ Bada Bada by Joanna Wang ++

++ Bada Bada by Joanna Wang ++
เพลงจากนักร้องชาวไต้หวัน Joanna Wang สาวสวยวัย 20 ที่ไปเติบโตอยู่ในสหรัฐอเมริกาปัจจุบันเธอกลับมาอาศัยอยู่ที่ไต้หวัน โดยพ่อของเธอเป็นถึงโปรดิวเซอร์ชื่อดัง เมื่อปีที่แล้วเธอออกอัลบั้มชุดแรกที่ชื่อว่า Start From Here...Bada Bada ไม่มีความหมายอะไรในภาษาอังกฤษ แต่ไม่ทราบว่ามีความหมายอะไรในภาษาไต้หวันหรือเปล่า? …
The rustling leaves and the chilly midnight windเสียงใบไม้แห้งกระทบกันและสายลมหนาวยะเยือกยามเที่ยงคืน
I wonder if it’s your car pulling into the drivewayฉันสงสัยว่าเป็นรถของคุณใช่ไหมที่กำลังจอดตรงถนนทางเข้า
Baby do you know what it’s like to wait?ที่รัก คุณรู้หรือไม่ ว่าการรอคอยเป็นอย่างไร?
Well I’ve been waiting all my life for you คือ ฉันเฝ้ารอมาทั้งชีวิตเพื่อคุณ
And would you believe in things และคุณจะเชื่อในสิ่งต่างๆ
That I shall say today?ที่ฉันจะพูดในวันนี้หรือไม่?
Would you believe in me? คุณจะเชื่อมั่นในตัวฉันไหม?
Oh baby, baby, baby, oh baby โอ้ ที่รัก, ที่รัก, ที่รัก, โอ้ ที่รัก
Bada bada, bada bada Do you know I want you so bad?คุณรู้ไหมว่าฉันต้องการคุณมากเพียงใด ?
Something stirs deep in my heart, oh babe, บางอย่างกำลังปั่นป่วนลึกลงไปในใจฉัน โอ้ ที่รัก yeah yeah yeah.
Bada bada, bada badaDo you know I want you so bad?คุณรู้ไหมว่าฉันต้องการคุณมากเพียงใด ?
Something stirs deep in my heart, oh babe, บางอย่างกำลังปั่นป่วนลึกลงไปในใจฉัน โอ้ ที่รัก yeah yeah yeah.
The rustling leaves and the chilly midnight windเสียงใบไม้แห้งกระทบกันและสายลมหนาวยะเยือกยามเที่ยงคืน
It’s time to leave in your car you parked in the drivewayถึงเวลาที่ต้องไปโดยรถที่คุณจอดไว้ตรงถนนทางเข้า
The night is cool and the skies are darkกลางคืนช่างหนาวเหน็บและท้องฟ้าก็มืดมน
Well I’ve been waiting all my life for thisคือ ฉันเฝ้ารอเพื่อสิ่งนี้มาทั้งชีวิต
And would you believe in thingsและคุณจะเชื่อในสิ่งต่างๆ
That I shall say today?ที่ฉันจะพูดในวันนี้หรือไม่?
Would you believe in me?คุณจะเชื่อมั่นในตัวฉันไหม?
Oh baby, baby, baby, oh babyโอ้ ที่รัก, ที่รัก, ที่รัก, โอ้ ที่รัก
Bada bada, bada badaDo you know I want you so bad?คุณรู้ไหมว่าฉันต้องการคุณมากเพียงใด ?
Something stirs deep in my heart, oh babe, บางอย่างกำลังปั่นป่วนลึกลงไปในใจฉัน โอ้ ที่รักyeah yeah yeah.

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Le passé récent

Le passé récent

การใช้ : Le passé récent ใช้บอกเล่าหรือบรรยายเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป
- Le train vient d' entrer en gare. Les passagers en descendent. (รถไฟเพิ่งเข้าสู่สถานี ผู้โดยสารกำลังลงจากรถไฟ)
- Vous voulez un café ? (คุณต้องการกาแฟสักถ้วยไหม)
+ Non, merci. je viens d' en prendre. (ไม่หรอกครับ ขอบคุณ ผมเพิ่งจะดื่มมา)
รูปแบบ : Le passé récent สร้างโดยใช้ verbe "venir de" ในรูป présent + infinitif :
Je viens de déjeuner.
Tu viens de rentrer ?
Il / Elle vient de sortir.
Nous venons de commencer.
Vous venez d' écouter France-Inter.
Ils / Elles viennent d' entrer en classe.